นายพิศาล พงศาพิชณ์ เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) เปิดเผยว่า สถานการณ์โรคอุบัติใหม่ไวรัสโคโรนา 2019 ทำให้พืชสมุนไพรมีกระแสเป็นที่ต้องการ และเป็นทางเลือกในการรักษาและบรรเทาโรค ทั้งในรูปแบบของยาและผลิตภัณฑ์อาหารเสริม โดยอุตสาหกรรมสมุนไพรได้รับการคาดการณ์ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมที่สามารถสร้างความยั่งยืนให้กับประเทศได้ มกอช.ตระหนักถึงความสำคัญของการผลิตสมุนไพรให้ได้มาตรฐานและบูรณาการร่วมกับระหว่างหน่วยงาน เพื่อสนับสนุนแผนการพัฒนาจังหวัดชัยนาทในการเป็นเมืองสมุนไพร จึงได้จัดการอบรมเชิงปฏิบัติการ เรื่องมาตรฐานสินค้าเกษตรสำหรับพืชสมุนไพร ภายใต้โครงการส่งเสริมและยกระดับการผลิตสมุนไพรต้นแบบตามมาตรฐานสินค้าเกษตร โดยมีกลุ่มเป้าหมาย คือเกษตรกรผู้ผลิตพืชสมุนไพรในพื้นที่จังหวัดชัยนาท เพื่อให้เกษตรกรมีความรู้ ความเข้าใจเกณฑ์กำหนดของมาตรฐานการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีสำหรับพืชสมุนไพร (GAP) รวมถึงมาตรฐานพืชสมุนไพรแห้ง การใช้วัตถุอันตรายทางการเกษตรอย่างปลอดภัย การจัดการศัตรูพืชแบบผสมผสาน ตลอดจนระบบตามสอบสินค้าเกษตร (QR Trace) และตลาดออนไลน์ (DGTFarm)
“วัตถุดิบที่มีคุณภาพและมาตรฐานเป็นหัวใจสำคัญในการสร้างผลิตภัณฑ์สมุนไพรให้มีคุณภาพดี มีคุณสมบัติตามมาตรฐานที่ตลาดต้องการ ซึ่งปัจจุบันมีการสนับสนุนให้ปลูกสมุนไพรเพิ่มขึ้น แต่ยังมีปัญหาด้านมาตรฐานคุณภาพวัตถุดิบ ทั้งด้านองค์ประกอบทางเคมีที่ไม่สม่ำเสมอ การปนเปื้อนเชื้อจุลินทรีย์ โลหะหนัก และสารพิษจากเคมีเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดย มกอช. จึงได้กำหนดมาตรฐานสินค้าเกษตร เรื่องการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีสำหรับพืชสมุนไพร ซึ่งครอบคลุมข้อกำหนดการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีสำหรับการผลิตพืชสมุนไพร ทุกขั้นตอนของกระบวนการผลิตในแปลงปลูกถึงการปฏิบัติหลังการเก็บเกี่ยว เพื่อให้ได้วัตถุดิบพืชสมุนไพรที่มีคุณภาพและปลอดภัย เหมาะสมสำหรับแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์สมุนไพร และครอบคลุมการผลิตวัตถุดิบพืชสมุนไพรที่จำหน่ายในรูปผลิตผลสด และพืชสมุนไพรที่ผ่านการลดความชื้น ทั้งพืชสมุนไพร (Herbs) ที่ใช้ในการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์สมุนไพร และผลิตภัณฑ์สมุนไพร (Herbal Product) และได้ส่งเสริมการนำมาตรฐานไปปฏิบัติใช้ ทั้งนี้ เมื่อเกษตรกรสามารถปฏิบัติตามมาตรฐานได้และมีความพร้อมที่จะขอการรับรอง จะทำให้สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่พืชสมุนไพรและสร้างรายได้เพิ่มขึ้น” เลขาธิการ มกอช.กล่าว
ด้าน นางประกอบ เฮง ประธานกลุ่มสมุนไพรปลอดสารพิษบ้านใหญ่ ต.โพงาม อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท บอกว่า เดิมเกษตรกรในพื้นที่ทำการเกษตรเชิงเดี่ยวเป็นอาชีพหลัก มีรายได้น้อย ทำให้ครัวเรือนเป็นหนี้สิน จึงได้มีการส่งเสริมให้ทำอาชีพเสริมโดยการปลูกพืชสมุนไพร เพื่อให้มีรายได้พอใช้จ่ายในครัวเรือน และต่อมาได้มีการรวมตัวเป็นกลุ่มสมุนไพรปลอดสารพิษบ้านใหญ่เมื่อ 6 ปีที่แล้ว ปัจจุบันมีสมาชิกประมาณ 80 ราย สำหรับสมุนไพรหลักที่ปลูก ได้แก่ ไพล ขมิ้น ตะไคร้ ใบมะกรูด และกะทือ ซึ่งได้รับการรับรองมาตรฐานการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี (GAP) สำหรับพืชอาหาร โดยมีตลาดหลัก คือโรงพยาบาลสรรคบุรี ซึ่งจะส่งวัตถุดิบสมุนไพรให้ทางโรงพยาบาลเพื่อนำไปผลิตยาและผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ต่างๆ
“ช่วยให้สมาชิกบางรายสามารถสร้างรายได้ถึงเดือนละ 2-3 หมื่นบาท ทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น ปัญหาหนี้สินลดลง และมีสุขภาพที่ดีขึ้น เนื่องจากลดการใช้สารเคมี และในอนาคตทางกลุ่มได้เตรียมที่จะขอการรับรอง GAP สำหรับพืชสมุนไพร และจะขยายผลความสำเร็จให้กับสมาชิกรายอื่น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตให้ดียิ่งขึ้นต่อไป” ประธานกลุ่มสมุนไพรปลอดสารพิษบ้านใหญ่กล่าว.