ปัจจุบันแม้นักท่องเที่ยวต่างชาติเริ่มกลับมาเยือนไทย แต่ตัวเลขยังนับว่าห่างไกลจากก่อนโควิด “ไทยเที่ยวไทย” จึงกลายเป็นความหวังสำคัญของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวช่วงครึ่งปีหลัง
“ไทยเที่ยวไทย” สำคัญอย่างไร #เศรษฐศาสตร์ตลาดสด จะเล่าให้ฟัง
จากสถานการณ์โควิดที่เริ่มคลี่คลาย ทุกประเทศคาดหวังว่านับจากนี้ การท่องเที่ยวจะกลับมาเป็นตัวกระตุ้นสำคัญฉุดเศรษฐกิจให้ดีขึ้น ..ประเทศไทยก็เช่นกัน
ก่อนวิกฤตโควิด ไทยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติปีละเกือบ 40 ล้านคน การท่องเที่ยวช่วยสร้างรายได้ให้ประเทศไทย เกิดการจ้างงานและเศรษฐกิจหมุนเวียนในแต่ละจังหวัด แต่ละชุมชนมหาศาล คิดเป็น 13-14% ของ GDP ทั้งประเทศ
โควิด 19 ทำให้นักท่องเที่ยวที่มาไทยหายไป โดยเหลือ 6.7 ล้านคนในปี 2563 และเพียง 4 แสนคนในปี 2564 ส่งผลให้ธุรกิจที่พึ่งการท่องเที่ยวล้มหายตายจาก คนตกงานจำนวนมาก
อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์โควิดที่ดีขึ้น คนต่างชาติกลับมาเดินทาง ตั้งแต่ต้นปีจนถึง 15 มิ.ย. ที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทยแล้ว 1,615,913 คน สร้างรายได้เข้าประเทศเกือบ 1 แสนล้านบาท การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยตั้งเป้าว่าปีนี้จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทยที่ 7-8 ล้านคน หรือเป็นไปได้พยายามให้ถึง 10 ล้านคน
อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่า ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวนนี้ ยังห่างจากสมัยก่อนเกิดโควิดมากนัก คิดเป็นเพียง 1 ใน 5 ของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดิมเท่านั้น
ด้วยเหตุนี้ ตลาดนักท่องเที่ยวคนไทยด้วยกันเอง กลายเป็นอีกความหวังสำคัญของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยในช่วงเวลาที่เหลือของปี
ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี ประเมินว่า จำนวนชาวไทยที่เดินทางท่องเที่ยวในประเทศปีนี้ จะอยู่ที่ 188.1 ล้านคน-ครั้ง เติบโต 161.7% เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2564 สร้างรายได้ถึง 7.2 แสนล้านบาท โดยเฉพาะการท่องเที่ยวระยะใกล้หรือจังหวัดเมืองรองที่คนไทยนิยมมากขึ้น
คนไทยนิยมเที่ยวเมืองรองจากหลายสาเหตุ ทั้งลดความแออัดจากการต้องเบียดเสียดคนจำนวนมากเมื่อเทียบกับเมืองหลัก การได้ประสบการณ์ใหม่ในที่ที่ไม่เคยไปมาก่อน นอกจากนี้ส่วนใหญ่เมืองรองยังมีค่าใช้จ่ายในการเที่ยวถูกกว่าเมื่อเทียบกับเมืองหลักในภูมิภาคเดียวกัน ยังไม่นับปัจจุบันจากกระแสโซเชียลมีเดีย อินฟลูเอนเซอร์ในโลกออนไลน์ที่มีบทบาทสำคัญต่อการสร้างความรับรู้สถานที่แปลกใหม่ ช่วยให้คนไทยอยากไปเที่ยวเมืองรองเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้จากข้อมูลของศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี พบว่าช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้จำนวนคนไทยที่ออกท่องเที่ยวเมืองรองอยู่ที่ 23.3 ล้านคน-ครั้ง จังหวัดเมืองรองที่ได้รับความนิยมมากสุด คือ เชียงราย สมุทรสงคราม ลพบุรี และสุพรรณบุรี โดยน่าสนใจว่าค่าใช้จ่ายในการเที่ยวเมืองรองเหล่านี้ ถูกกว่าเมืองหลักในภูมิภาคเดียวกัน 20-40% ทีเดียว
ตลาด “ไทยเที่ยวไทย” ในครึ่งปีหลังยังได้ปัจจัยเสริมที่ช่วยกระตุ้น ประกอบด้วย
1. จากมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวของรัฐ “เราเที่ยวด้วยกัน” เฟส 4 ส่วนต่อขยาย ที่จากเดิม 2 ล้านสิทธิ์ เพิ่มอีก 1.5 ล้านสิทธิ์ รวมเป็น 3.5 ล้านสิทธิ์ ถึงเดือน ต.ค. 2565
2. โครงการ “รัฐทัวร์ทั่วไทย” ที่เปิดโอกาสให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่รัฐท่องเที่ยวในวันธรรมดา ช่วงเดือน ก.ค. – ธ.ค. 2565 โดยไม่ถือเป็นวันลาได้สูงสุด 2 วัน
3. การผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรคของรัฐทั้งยกเลิกการสวมใส่หน้ากากอนามัยในที่สาธารณะ และการให้ผับบาร์สามารถกลับมาเปิดดำเนินการได้ตามปกติ
4. กระทรวงการคลังมีแผนออกมาตรการสนับสนุนภาคเอกชนที่เป็นนิติบุคคลให้สามารถนำค่าใช้จ่ายจัดงานสัมมนา การแสดง อีเวนต์ต่างๆ มาหักลดหย่อนภาษีได้ โดยหากจัดในเมืองหลัก สามารถหักลดหย่อนค่าใช้จ่ายได้ 1.5 เท่า ถ้าเป็นเมืองรอง สามารถหักลดหย่อนค่าใช้จ่ายได้ 2 เท่า
จากมาตรการรัฐเหล่านี้ น่าทำให้ “ไทยเที่ยวไทย” โดยเฉพาะในเมืองรองช่วงครึ่งปีหลัง คึกคักขึ้นทีเดียว ทั้งนี้สำหรับผู้บริโภคและบริษัทต่างๆ หากสนใจใช้สิทธิ ปัจจุบันเมืองรองในแต่ภูมิภาค ประกอบด้วย
ภาคเหนือ 16 จังหวัด : เชียงราย พิษณุโลก ตาก เพชรบูรณ์ นครสวรรค์ สุโขทัย ลำพูน อุตรดิตถ์ ลำปาง แม่ฮ่องสอน พิจิตร แพร่ น่าน กำแพงเพชร อุทัยธานี พะเยา
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 18 จังหวัด : อุดรธานี อุบลราชธานี หนองคาย เลย มุกดาหาร บุรีรัมย์ ชัยภูมิ ศรีสะเกษ สุรินทร์ สกลนคร นครพนม ร้อยเอ็ด มหาสารคาม บึงกาฬ กาฬสินธุ์ ยโสธร หนองบัวลำภู อำนาจเจริญ
ภาคตะวันออก 5 จังหวัด : สระแก้ว ตราด จันทบุรี ปราจีนบุรี นครนายก
ภาคกลาง 7 จังหวัด : ลพบุรี สุพรรณบุรี ราชบุรี สมุทรสงคราม ชัยนาท อ่างทอง สิงห์บุรี
ภาคใต้ 9 จังหวัด : นครศรีธรรมราช พัทลุง ตรัง สตูล ชุมพร ระนอง นราธิวาส ยะลา และปัตตานี
ถัดจากนี้ จึงเป็นหน้าที่ของผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ที่ต้องเร่งประชาสัมพันธ์ ออกแผนการตลาด โพรโมชันใหม่ๆ เพื่อดึงดูดให้ลูกค้าคนไทยอยากไปเที่ยว ไปเยี่ยมเยือน โดยเฉพาะต้องหาจุดขายใหม่ๆ ที่ตรงกับรสนิยม ไลฟ์สไตล์นักท่องเที่ยวยุคปัจจุบันที่เน้นอยากเข้าถึงประสบการณ์ใหม่ นักท่องเที่ยวปัจจุบันไม่ได้กลัวความลำบากในการเดินทาง แต่กลับยอมจ่ายเงินเพื่อซื้อประสบการณ์พิเศษที่หายากหรืออยู่ในกระแส เราจะเห็นว่าคนอยากไปอาบน้ำให้ช้าง ยอมไปนอนเต็นท์ ปีนเขา ตั้งแคมป์ ทั้งที่ไม่สะดวกสบาย ทั้งหมดเพื่ออิ่มเอิบกับประสบการณ์ใหม่
ดังนั้น ภายใต้มาตรการสนับสนุนมากมายของรัฐบาลที่จูงใจให้คนไทยออกเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ จึงมาพร้อมคำถามใหญ่สำหรับผู้ประกอบการ ว่าพร้อมหาจุดขาย สร้างประสบการณ์ใหม่ ให้นักท่องเที่ยวชาวไทยอยากไปเยี่ยมเยือนหรือยัง
สำหรับผู้บริโภค #เศรษฐศาสตร์ตลาดสด อยากชวนให้ออกไปเที่ยวเมืองไทย โดยเฉพาะเมืองรองกัน นอกจากเปิดประสบการณ์ใหม่ ค่าใช้จ่ายยังถูก แถมยังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ต่อลมหายใจให้พี่น้องคนไทยทั่วประเทศอีกด้วย