สนามข่าว 7 สี – คนเป็นแม่ต้องหัวใจสลายพาลูกชายอายุ 3 ขวบ 8 เดือน ที่มีอาการปวดท้องไปหาหมอที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งที่จังหวัดนครสวรรค์ แต่ปรากฏว่ารอรับการรักษานานเกิน จนลูกอาการทรุดและเสียชีวิต โดยผู้เป็นแม่เผยว่าไม่ติดใจสาเหตุการตายของลูก แต่ข้องใจการรักษาที่ล่าช้า
กลายเป็นประเด็นขึ้นมาเนื่องจากที่เพจเฟซบุ๊กที่ชื่อว่า “Social Hunter 2021” ได้โพสต์ภาพร่างไร้วิญญาณของเด็กชายคนหนึ่งขณะนอนอยู่ในโลงศพ พร้อมระบุข้อความจากแม่รายหนึ่ง ร้องเรียนมายังเพจว่า ลูกชายจากไปต่อหน้าต่อตาเนื่องจากหมอไม่สนใจ โดยตอนที่คุณแม่ท่านนี้พาลูกไปหาหมอเพราะมีอาการตัวร้อน 2 วัน พอกินยาก็หายตัวร้อน เล่นได้ กินได้ ร่าเริงปกติ จนตอนเช้าน้องบอกหายใจไม่ออก กระสับกระส่าย จึงรีบพาน้องไปโรงพยาบาล พอไปถึงหมอไม่เคยมาช่วยอะไร บอกไปแล้วว่าน้องหายใจไม่ออก ไม่มาดู จึงจะย้ายไปรวมแพทย์ ยังไม่ทันย้าย น้องมีอาการเกร็ง ตาค้าง ตะโกนให้หมอมาช่วยถึงมาปั๊มหัวใจ หัวใจคนเป็นแม่ต้องทนเห็นลูกจากไปอย่างทุรนทุราย ภาพมันยังติดตา ทำใจไม่ได้จริง ๆ กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ผู้สื่อข่าวตรวจสอบทราบว่าขณะนี้ครอบครัวได้รับร่างเด็กชายอายุ 3 ขวบ 8 เดือน ชื่อเล่น น้องออกัส มาตั้งบำเพ็ญกุศลอยู่ที่วัดหนองลาดสามัคคี ตำบลหนองหวาย อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ จึงเดินทางไปที่วัด โดยได้พบกับนางคีระยา ตู้เจริญ ซึ่งเป็นแม่ของเด็กชายที่เสียชีวิต เปิดใจเล่าว่า เมื่อช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา สมาชิกในครอบครัวติดโควิด-19 กันหมดทั้งบ้าน รวมถึงลูกชายอายุ 3 ขวบ 8 เดือนคนนี้ด้วย ซึ่งหลังลูกหายป่วยก็ไม่พบมีอาการข้างเคียงอะไร จนถึงวันที่ 21 เมษายนที่ผ่านมาลูกชายมีอาการไข้ ตัวร้อน แต่พอให้กินยาไข้ก็ลดลง ยังสามารถกินได้ เล่นได้ และร่าเริงตามปกติเด็กทั่วไป ต่อมาวันที่ 23 เมษายนที่ผ่านมา ลูกชายกลับมามีไข้ขึ้นสูงอีกรอบ คราวนี้หายใจไม่ออกอย่างรุนแรง ตนและสามีจึงรีบพาลูกไปโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ในอำเภอตาคลี แต่พอไปถึงโรงพยาบาลดังกล่าวกลับไม่มีแพทย์ หรือเจ้าหน้าที่ ๆ เกี่ยวข้องเข้ามาให้ความช่วยเหลือโดยทันที แถมยังให้รอ จนลูกอาการทรุดหนัก จึงตัดสินใจไปแจ้งเจ้าหน้าที่ว่าจะย้ายลูกชายไปรักษาอีกโรงพยาบาลอยู่ในพื้นที่อำเภอเมือง จังหวัดชัยนาท แต่ระหว่างเคลื่อนย้ายลูกจะไปขึ้นรถเกิดอาการชักเกร็ง ตาค้าง และดิ้นทุรนทุราย ถึงจะมีแพทย์มานำตัวเข้าห้องฉุกเฉินปั๊มหัวใจให้ แต่ไม่ทัน ลูกชายสิ้นใจในที่สุด
นับแต่วันที่สูญเสียลูกไปจนถึงวันนี้ นางคีระยา บอกว่ายังทำใจไม่ได้ และยังติดใจทำไมแพทย์ไม่รีบทำการรักษาลูกชายของเธอ แต่ถ้าวันนั้นแพทย์ได้รักษาลูกอย่างสุดความสามารถ น่าจะมีโอกาสรอดชีวิต แต่อย่างไรก็ตามไม่คิดฟ้องร้องดำเนินคดีกับโรงพยาบาล เพียงแต่อยากนำเรื่องมาตีแผ่ ด้วยหวังว่าโรงพยาบาลจะปรับปรุง และอยากให้ใส่ใจกับการรักษาคนป่วยให้มากกว่านี้ ไม่ใช่ป่วยหนักแล้วบอกให้ “รอแปปนึง รอแปปนึง” คำว่ารอมันเลยไปเป็นชั่วโมง แบบนี้มันใช้ไม่ได้
หลังเรื่องนี้ปรากฏในโซเชียลเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ส่วนมากในแง่ลบ ถึงกับทำให้ แพทย์หญิงศรุตา ช่อไสว ผู้อำนวยการโรงพยาบาลตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ ต้องออกชี้แจงแสดงความเสียใจต่อครอบครัว พร้อมระบุว่าจากการตรวจประวัติเด็กชายอายุ 3 ขวบ 8 เดือน พบว่าเคยป่วยโรคโควิด-19 มาเมื่อช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา และถึงแม้ว่าตอนน้องป่วยจะไม่มีอาการอะไรรุนแรง แต่เมื่อวันที่ 23 เมษายน น้องเกิดอาการป่วยหนักจนผู้ปกครองต้องรีบพาตัวส่งมารักษา ก่อนจะชักเกร็งเสียชีวิต ซึ่งหมอได้วินิจฉัยว่า อาจเป็นเพราะภาวะกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ หรือไม่อาจเกิดจากภาวะแทรกซ้อนจากเชื้อโควิด-19 ซึ่งทราบว่าหลังจากเสียชีวิตแม่ของน้องไม่ประสงค์ขอให้ส่งศพไปชันสูตร แต่ถ้าหากแม่ยังติดใจ ทางโรงพยาบาลพร้อมนำศพเด็กชายคนนี้ส่งไปชันสูตร เพื่อสรุปสาเหตุการเสียชีวิตอย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อให้ครอบครัวผู้สูญเสียสิ้นสงสัย
ขณะเดียวกันผู้อำนวยการโรงพยาบาลตาคลี ยังได้ชี้แจงถึงประเด็นที่ว่า ตอนผู้ปกครองส่งเด็กชายมาถึงที่โรงพยาบาลแล้วไม่มีแพทย์มาดูแล ยืนยันว่าในนาทีนั้นแพทย์ที่เข้าเวรประจำการได้รับผู้ป่วยโรคหัวใจ และผู้บาดเจ็บจากการประสบอุบัติเหตุมาพร้อมกัน ส่วนเคสเด็กชายอายุ 3 ขวบ 8 เดือน ตามมาทีหลัง จึงทำให้แพทย์ต้องเร่งไปรักษาผู้ป่วยโรคหัวใจก่อน โดยให้ทีมเจ้าหน้าที่คอยดูอาการอยู่ใกล้ ๆ แต่ในระหว่างที่จะเปลี่ยนไปตรวจวินิฉัยให้กับผู้บาดเจ็บประสบอุบัติเหตุนั้น ปรากฏเด็กชายรายนี้เกิดมีอาการชักเกร็ง ทำให้แพทย์ต้องรีบเปลี่ยนช่วยรักษาทันที โดยพาตัวเข้าห้องฉุกเฉินปั๊มหัวใจให้ แต่ยื้อชีวิตไว้ไม่ได้ ซึ่งขอยืนยันว่าทางแพทย์โรงพยาบาลได้พยายามช่วยผู้ป่วยทุกคนอย่างที่สุดแล้ว แต่เนื่องจากตอนนั้นมีผู้ป่วยวิกฤตหลายราย และเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนไม่ทันกาล และหลังจากเกิดเรื่องแพทย์ที่เข้ารับการรักษาในวันนั้น ได้มารายงานกับตนถึงเรื่องที่เกิดขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ เนื่องจากเสียใจที่ไม่สามารถช่วยชีวิตเด็กชายไว้ได้
ขอบคุณภาพจาก : Facebook Social Hunter 2021