++
ปิดฤดูไทยลีก 2020 ไปแล้ว ปรากฏว่า ไทยลีก 1 ทีมสุโขทัย เอฟซี พ่ายนัดสุดท้ายแก่ทีมสุพรรณบุรี เอฟซี ตกชั้นไปเล่นไทยลีก 2 เป็นที่เรียบร้อย
สมศักดิ์ เจ๊เป้า ผู้สร้างทีมสุโขทัย เอฟซี
สรุปว่า สโมสรฟุตบอลอาชีพสายสามมิตร หรือสายวังน้ำยม เหลือรอดเล่นในไทยลีก 1 เพียงทีมเดียวคือ ราชบุรี มิตรผล เอฟซี ของ ส.ส.บุญยิ่ง นิติกาญจนา ส่วนสุโขทัย เอฟซี ของสมศักดิ์ เทพสุทิน ก็ไปเล่นในไทยลีก 2 ร่วมกับชัยนาท ฮอร์นบิล ของอนุชา นาคาศัย
“..วันนี้เราพลาด ในฐานะประธานสโมสรพูดไม่ออกบอกไม่ถูก มันช็อกและชาชั่วขณะ คิดได้ว่าไม่มีประโยชน์อันใดที่จะหาจำเลย เพื่อตอกย้ำซ้ำเติมความผิดหวัง ความเศร้าเสียใจให้ทรุดหนักยิ่งขึ้น แต่เราต้องลุกขึ้นให้เร็วเพื่อนั่ง ยืน และก้าวอย่างระมัดระวังต่อไป”
นี่คือถ้อยแถลงของ “เจ๊เป้า” อนงค์วรรณ เทพสุทิน ประธานสโมสรฟุตบอลสุโขทัย เอฟซี
สิบกว่าปีมานี้ สมศักดิ์ เทพสุทิน และอนุชา นาคาศัย ได้ใช้เวลาและทุนทรัพย์ทุ่มเทสร้างทีมลูกหนัง จากลีกภูมิภาคจนเลื่อนชั้นมาเล่นในลีกสูงสุดของประเทศ แต่ช่วงที่ทั้งสองหวนคืนสู่สังเวียนการเมือง ก็ไม่มีเวลาไปดูแลทีมบอล
สุดท้าย ทีมค้างคาวไฟ และทีมนกใหญ่ต้องเล่นไทยลีก 2 ไปอีกหนึ่งฤดูกาล รอลุ้นปีหน้าว่าทีมไหนจะเลื่อนชั้นกลับมาไทยลีก 1 ได้หรือไม่?
เสี่ยแฮงก์ ทีมชัยนาท ฮอร์นบิล
++
วังน้ำยมยุค 2
++
ช่วงหลังเลือกตั้ง 2562 ดูเหมือนว่า “กลุ่มสามมิตร” นำโดย สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ,สมศักดิ์ เทพสุทิน และอนุชา นาคาศัย จะเป็นมุ้งใหญ่ในพรรคพลังประชารัฐ แต่เวลาผ่านไป ได้เกิดมุ้งใหม่ๆ มีศักยภาพมากพอที่จะ “ดูด” กลุ่ม ส.ส.นกแล ไปอยู่ในสังกัด ทำให้กลุ่มสามมิตร ตกอยู่ในสถานะ “มุ้ง SME”
ปีที่แล้ว มีการปรับโครงสร้างพรรคพลังประชารัฐ หลังสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ และ 4 กุมาร ออกจากพรรคไป อนุชา นาคาศัย ได้เลื่อนชั้นเป็นเลขาธิการพรรค ดูเหมือนจะเป็นคุณแก่กลุ่มสามมิตร ผ่านไปไม่ถึงปี เก้าอี้เลขาธิการพรรคของ “เสี่ยแฮงก์” เจอแรงเขย่าเข้าให้แล้ว
นักข่าวสายการเมืองได้กลิ่นการเปลี่ยนแปลงภายในพรรค จึงพยามเอาไมค์ไปจ่อปากแกนนำพรรคพลังประชารัฐ ก็ไม่มีใครให้คำตอบที่ชัดเจนได้
อย่างสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ก็เจอคำถามเรื่องการเปลี่ยนตัวอนุชาออกจากเลขาธิการพรรค เสี่ยสมศักดิ์ตอบทีเล่นทีจริงว่า “เปลี่ยนแล้วให้ผมเป็นแทนใช่ไหม”
เมื่อนักข่าวไปถาม “ลุงป้อม” ก็เกิดน็อตหลุด ดังที่เป็นข่าวใหญ่ไปในช่วงสุดสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งท่าทีของหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ถูกตีความกันไปมากมาย
++
กลุ่มมะขามหวาน
++
ความขัดแย้งในพรรคพลังประชารัฐ เป็นเรื่องปกติของ “พรรครวมดาว” ไล่กลับไปอ่านประวัติศาสตร์การเมืองไทย การจัดตั้งพรรคการเมืองแบบร้อยพ่อพันแม่ ก็จะเจอปัญหาแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นในพรรค
ยิ่งพรรคพลังประชารัฐ เปรียบเสมือนทีมฟุตบอล “3 ป.ยูไนเต็ด” ที่มีตัวผู้เล่นถูกซื้อตัวมาจากทีมดังๆ ไม่ใช่นักเตะจากอะคาเดมี ก็โอกาสทะเลาะเบาะแว้งมีสูงยิ่ง
เวลานี้ “กลุ่ม 3 ช.” ของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรฯ กำลังผงาดในพรรคพลังประชารัฐ ตีคู่มากับ “กลุ่มสันติ” จึงมีข่าวว่า สองก๊กนี้ผนึกกำลังกันเขย่าเก้าอี้เลขาธิการพรรคของเสี่ยแฮงก์
“สันติ พร้อมพัฒน์” รมช.คลัง หัวหน้าก๊กมะขามหวาน อยากได้ตำแหน่งเลขาธิการพรรค มาแต่คราวที่แล้ว แต่หวยไปออกเสี่ยแฮงก์ จึงได้แค่ตำแหน่งรองหัวหน้าพรรค ควบผู้อำนวยการพรรค
คนการเมืองแบบ “สันติ” โลว์โปรไฟล์ ไม่ค่อนให้สัมภาษณ์สื่อ แต่ “พวกเยอะ” เพราะใจถึง พึ่งได้ มาแต่สมัยพรรคความหวังใหม่ และพรรคพลังประชาชน จึงไม่แปลกที่เขาจะยกอาคารรัชดาวัน ตรงข้ามศาลอาญารัชดา ให้เป็นรังใหม่ของ พปชร.
ดังที่ทราบกัน พรรค พปชร. เป็นแหล่งรวมอดีต ส.ส.พรรคการเมืองเครือข่ายทักษิณ เกือบครึ่งพรรค สันติจึงต่อสายได้ แถมทะลวงไปถึง ส.ส.เพื่อไทย อีกหลายก๊วนที่สามารถชักชวนให้มารับจ็อบได้เป็นคราวๆไป
ด้วยเหตุนี้ กลุ่มสันติหรือกลุ่มมะขามหวาน จึงเติบใหญ่ขยายตัวขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่กลุ่มสามมิตร กลับถดถอย
เมษาหน้าแล้ง..รอดูสงครามการเมืองภายในพรรคลุงป้อม งานนี้ คงไม่มีใครยอมใคร