ความคืบหน้ากรณี สิบตำรวจตรีแอบหนีภรรยาไปเข้าพิธีแต่งงานกับสาวอีกคน จนทำให้ภรรยาต้องถือทะเบียนสมรสบุกไปทวงสิทธิกลางงานแต่ง พร้อมกับไลฟ์ผ่านเฟซบุ๊กจนกลายเป็นคลิปไวรัลกระฉ่อนโซเชียล
ล่าสุด วันนี้ (19 ก.พ. 64) ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังบ้านพักของพ่อและแม่ของสิบตำรวจตรีคนดังกล่าว ที่ตำบลเขาท่าพระ อำเภอเมืองชัยนาท โดยพบผู้เป็นพ่ออายุ 60 ปี ซึ่งเป็นอดีตข้าราชการตำรวจตระเวนชายแดนอยู่บ้านคนเดียว ส่วนแม่และภรรยาไม่อยู่บ้าน ทราบว่าเดินทางไปกรุงเทพฯ เพื่อออกรายการทีวีช่องหนึ่ง
พ่อของสิบตำรวจตรี เล่าว่า หลังเกิดเรื่องขึ้นในงานแต่งตามคลิป ลูกชายได้กลับเข้ามาที่บ้านเมื่อช่วงสายวานนี้ แล้วมาขอโทษ พ่อแม่ และภรรยา ยอมรับผิดกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ไม่ได้บอกเหตุผลว่าเพราะเหตุใดจึงทำเช่นนั้น บอกแต่เพียงว่ามีความจำเป็น ตนจึงได้อบรมสั่งสอนไปว่าทำแบบนี้ไม่ดี ไม่ถูกต้อง เราเป็นข้าราชการตำรวจ เราต้องมีวินัย พ่อเองก็เป็นตำรวจมากว่า 30 ปีแล้ว เรื่องจริยธรรมมันต้องมี โดยลูกชายได้อยู่พูดคุยประมาณ 45 นาที จากนั้นตนก็แนะนำให้ลูกชายออกไปพักอาศัยที่อื่นก่อน เพื่อลดบรรยากาศตึงเครียดภายในบ้าน ให้ลูกชายไปอยู่คนเดียวเพื่อตั้งสติทบทวนในสิ่งที่กระทำไป แล้วค่อยกลับบ้านมาพูดคุยปรึกษากันในครอบครัว ว่าจะดำเนินชีวิตต่อไปอย่างไร
เรื่องงานแต่งครั้งนี้ ทางลูกชายไม่ได้บอกเลย ถึงบอกเราก็ไม่ไปเพราะเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง แต่ที่รู้ก็เพราะเพื่อนๆ พูดต่อๆ กันมา มีคนโทรมาบอกว่าทางฝ่ายผู้หญิงบอกว่าเขาจะจัดงานแต่ง ทางภรรยาผมกับลูกสะใภ้เขาอยากรู้ว่าจริงหรือไม่ จึงไปดู ถ้าไม่จริงก็กลับถ้าจริงตามคลิปนั่นแหละ
ก่อนหน้านี้ครอบครัวของลูกชายเขาอยู่ด้วยกันดีมาตลอด กระทั่งช่วงเที่ยงคืนก่อนวันเกิดเหตุ ลูกชายแต่งเครื่องแบบเสร็จแล้วบอกเมียเขาว่าจะไปเข้าเวร พอเช้ามาก็เกิดเรื่อง ถึงตอนนี้ไม่ได้มีปากเสียงอะไรกัน เจตนาทางลูกสะใภ้ต้องการให้ฝ่ายหญิงทางโน้นรู้ว่าผู้ชายเขามีลูกมีเมีย มีทะเบียนสมรส อยากให้ทางโน้นเลิกซะ ได้ยินลูกสะใภ้บอกว่า ทางฝ่ายโน้นเขาโพสต์ยั่วจะเอาชนะเมียหลวง จะเอาให้ได้
ทั้งนี้ ผู้เป็นพ่อยอมรับว่าเสียใจกับสิ่งที่ถูกชายกระทำ ในฐานะที่ตนเคยรับราชการตำรวจก็อยากให้ลูกเจริญรอยตามเป็นตำรวจที่ดี นึกถึงคนอื่นก่อนตนเอง และอยากให้กลับมาดูแลครอบครัว ดูแลลูกและภรรยาเหมือนเดิม
ส่วนเรื่องที่ลูกสะใภ้จะเข้าไปร้องเรียนกับต้นสังกัด เพื่อเอาผิดกับลูกชายหรือไม่นั้น ลูกสะใภ้บอกว่าไม่ไปร้องเรียน เพราะหากสามีต้องถูกให้ออกจากราชการ ก็จะไม่มีรายได้มาเลี้ยงดูครอบครัวซึ่งยังต้องนึกถึงลูกอีก 2 คน แต่ที่นำทะเบียนสมรสบุกเข้าไปในงานแต่งงานนั้น เป้าหมายก็เพื่อให้ผู้หญิงเลิกกับสามี และยุติการแต่งงาน