จากปรากฏการณ์ ส.ส.แห่ลาออก ทิ้งตำแหน่ง และลาออกจากพรรคต่างๆ รวมๆแล้วเกือบ 40 คน และเกือบทั้งหมดก็เข้าเปิดตัวกับสังกัดใหม่ “ภูมิใจไทย” ของครูใหญ่
“เนวิน ชิดชอบ” ที่มี “เสี่ยหนู-อนุทิน ชาญวีรกุล” อยู่หน้าฉากในการขับเคลื่อนกิจการพรรค และมีเป้าหมายชัดเจนต้องเป็นแกนนำหลังเลือกตั้งครั้งหน้า นับเป็นข่าวใหญ่ในรอบสัปดาห์ของทุกสำนักและนับเป็นการโชว์พลังข่มขวัญคู่แข่งได้เป็นอย่างดี เพราะด้วยจำนวนถึงเกือบ 40 ราย นั้น ถือเป็นแต้มต่อที่สำคัญในเชิงปริมาณเป็นอย่างมาก แต่จะเปี่ยมด้วยคุณภาพหรือไม่อาจยังเป็นคำถามที่ยังต้องรอเวลา ให้ประชาชน ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งเป็นผู้ให้คำตอบ ว่าทั้งหมดที่แห่เข้าสังกัดภูมิใจไทยนี้คุณภาพคับแก้วเพียงใด
จะว่าไปแล้ว ส.ส.หรือ อดีต ส.ส.แต่ละคน ก็มีความเหมือนและต่างกันในเชิงคุณภาพอย่างสิ้นเชิง บางคนเป็นดาวฤกษ์ มีแสงสว่างในตัวเอง มีฐานเสียงของตัวเองอย่างเหนียวแน่นและมั่นคงจะย้ายไปพรรคไหน ก็มีคะแนนเสียงตามไปด้วยอย่างชัดเจน และบิ๊กล็อตของภูมิใจไทยรอบนี้ก็เช่นกัน เมื่อสแกนเชิงคุณภาพแล้ว มีเกรดระดับพรีเมียม หรือเกรดเอ คุณภาพคับแก้ว ย้ายไปไหนก็ไม่น่าสอบตกเพียงไม่กี่คน อาทิ
“แนน บุญธิดา สมชัย” จากอุบลราชธานี บ้านใหญ่ “สมชัย”นี้แสดงผลงานให้เห็นเป็นประจักษ์มาแล้ว ไม่ว่าจะยุคสมัยไหน จะไทยรักไทยเรืองอำนาจ กลายร่างเป็นพลังประชาชน หรือเพื่อไทยมีเสื้อแดงทั้งแผ่นดินหนุนหลัง ก็ไม่สามารถโค่นบ้านใหญ่หลังนี้ ที่สวมเสื้อประชาธิปัตย์ลงได้เลย รายต่อมา ที่นับเป็นเกรดเอ “วุฒิชัย กิตติธเนศวร” บ้านใหญ่นครนายก “กิตติธเนศวร”แทบจะที่ผูกขาด ส.ส.มายาวนานกว่า 20 ปี เกรดเอ รายที่ 3 คือพี่น้อง”สรงประชา” มณเทียร และ นันทนา”
จากชัยนาท นับเป็นอีกหนึ่งตระกูลการเมืองที่ผูกขาดมายาวนาน และอีกราย”นิยม ช่างพินิจ” จากพิษณุโลก นอกจากนั้น ก็เป็นพวกเกรดบี ที่ต้องอาศัยฐานเสียงของพรรค มาเติมเต็มให้ตัวเองเปล่งแสง อาทิ สุชาติ ภิญโญ แห่งโคราช,พี่น้อง “โพธิพิพิตร”และพล.อ.สมชาย วิษณุวงศ์ จากกาญจนบุรี,จักพรรดิ ไชยศาส์น ตระกูลดังอุดรธานี แต่รอบนี้ไม่ชัดจะพอไหวหรือไม่เพราะน้องชาย “ต่อพงศ์” แยกไปทำอีกพรรคกับไทยสร้างไทยส่วนอดีต ส.ส.ที่เหลือที่เข้าภูมิใจไทย ก็เป็นเพียงเกรดซี
ที่ไต่ระดับมาจากนักการเมืองท้องถิ่น ทั้งจากชัยภูมิ, เพชรบุรี,ตากหรือแม้แต่ทีมศรีสะเกษ ส่วนใหญ่พอจะมีฐานเสียงอยู่บ้างแต่ก็ต้องอาศัยกระแสพรรคหรือตัวบุคคลมาช่วยหนุนด้วย และกลุ่มเกรดสุดท้าย อาศัยเฉพาะกระแสพรรค หรือตัวบุคคล คืออดีต ส.ส.กทม.ที่มาจากพลังประชารัฐ เพราะรู้กันดีอยู่ว่าเข้าสภามาได้มาเพราะคะแนนนิยม “พล.อ.ประยุทธ์” จากสโลแกน “เลือกสงบจบที่ลุงตู่” นั่นเอง รวมถึงกลุ่มที่โยกมาจากค่ายสีส้ม “ก้าวไกล”ก็ถูกจัดเป็นเกรดเดียวกัน
เพราะครั้งนั้นก็เข้าสภามาได้เพราะกระแส”พ่อฟ้าธนาธร”เช่นกัน ดังนั้นเมื่อย้ายสีเสื้อ ฐานเสียงอาจไม่ตามมา บางคนกระแสอาจตก หรือถูกประชาชนในพื้นที่ลืมไปแล้วก็เป็นได้ ดังนั้นเลือกตั้ง ปี 66จึงอาจเป็นบทพิสูจน์ของคนที่ย้ายพรรค ว่ามีของจริงหรือไม่ หรือเป็นเพียงไม้ประดับที่ต้องรอกระถางมาเกื้อหนุนอุ้มชูให้โดดเด่นขึ้น ตลอดจนอาจเป็นบททดสอบครั้งสำคัญว่าภูมิใจไทยจะเติบโตแบบก้าวกระโดดส่ง”เสียหนู” สู่ฝั่งฝันด้วยพลังดูดได้หรือไม่
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews