สกู๊ปหน้า 1 : ส่องก้นครัวไทย ‘รถพุ่มพวง’ ดัชนีชี้วัด
สถานการณ์ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้สินค้าอุปโภคบริโภคต่างๆ พาเหรดขึ้นราคาตามไปด้วย อันเนื่องจากมีต้นทุนราคาค่าขนส่งที่แพงขึ้น ขณะเดียวกันประชาชนที่ประกอบอาชีพต่างๆ ที่จำเป็นต้องใช้รถยนต์วิ่งเร่ขาย เช่น “รถพุ่มพวง” ที่ต้องใช้รถยนต์วิ่งเร่ขายของไปตามชุมชน หมู่บ้าน ตรอก ซอก ซอย เพื่อบริการลูกค้าถึงหน้าบ้าน ก็ได้รับผลกระทบอย่างหนัก หลายคนจึงต้องพยายามปรับตัวด้วยวิธีต่างๆ เพื่อความอยู่รอด
นางอุทัย ชมพูทีป แม่ค้ารถพุ่มพวงอำเภอโนนสูง จ.นครราชสีมา รถเร่ขายกับข้าว (รถพุ่มพวง) มานานกว่า 13 ปี เปิดเผยว่า ปกติจะเร่ขายสินค้าจำพวกกับข้าวเนื้อสด ปลาสด ผัก ผลไม้ ตามหมู่บ้านในช่วงเย็น
ตั้งแต่ทำอาชีพนี้มา ไม่เคยเจอปัญหาของแพง และน้ำมันแพงเท่านี้มาก่อน แถมล่าสุดราคาก๊าซหุงต้มปรับขึ้นอีก เมื่อก่อนจะขึ้นราคาแค่บางอย่าง ไม่ได้ขึ้นพร้อมๆ กัน แต่ตอนนี้ทุกอย่างขึ้นราคาหมด
ทำให้ต้องประสบกับปัญหาต้นทุนค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น ต้องลงทุนซื้อสินค้าครั้งละ 20,000 บาท มาตุนเอาไว้จำนวนมากๆ เพื่อให้ลูกค้าได้เลือกซื้อ เพราะหากซื้อสินค้ามาขายน้อย ลูกค้าก็จะไม่มีตัวเลือก ทำให้ไม่อยากมาซื้อสินค้า
“ต้องขายในราคาเท่าเดิม แต่ลดปริมาณลงเป็นบางอย่าง ลูกค้าก็ไม่มีกำลังทรัพย์มาซื้อสินค้าเหมือนในอดีต ทำให้ลูกค้าประจำหายหน้าไปหลายรายแล้ว ส่วนบางรายที่ยังมาอุดหนุนอยู่ เคยซื้อครั้งละ 200-300 บาท ก็ซื้อลดลงไปกว่าครึ่ง เหลือเพียงครั้งละ 100 บาทเท่านั้น ทำรายได้ลดลงไปกว่าเดิมมาก ตอนนี้ลงทุน 20,000 บาท ได้กำไรเพียงแค่ 1,000 บาท หักค่าน้ำมันแล้ว แทบไม่เหลือกำไร อีกทั้งสินค้าก็เหลืออยู่เป็นจำนวนมาก ต้องตระเวนขายของนานขึ้น จากเดิมเติมน้ำมันวันละ 500 บาท ปัจจุบันนี้ต้องเติมวันละ 1,000 บาท เท่ากับว่ารายได้ลดลงแต่ต้องเสียค่าน้ำมันเพิ่มเท่าตัว” นางอุทัยระบุ
ขณะที่ลูกค้าประจำรถพุ่มพวง นางรำไพ แชมเบอร์เลน ชาวบ้านอำเภอโนนสูง บอกว่าคนเราต้องกินต้องใช้ทุกวัน สินค้าราคาแพงขึ้นแค่ไหน แต่ก็ยังจำเป็นต้องซื้อต้องใช้
แม้ว่าตนเองจะพยายามประหยัดค่าใช้จ่ายในครัวเรือนแล้ว แต่อาหารการกินเป็นเรื่องจำเป็นที่ขาดไม่ได้ ก็ต้องซื้อต้องจ่ายกันทุกวันเหมือนเดิม แต่อาศัยบางวันก็ต้องลดปริมาณการซื้อลงบ้าง จึงอยากให้ทางภาครัฐเร่งแก้ไขปัญหาข้าวของแพงด้วย
ด้าน ป้าศศิธร บังผัน อายุ 61 ปี รถเร่พุ่มพวงที่ จ.นครสวรรค์ ยึดอาชีพนี้มานานกว่าครึ่งชีวิต รำพึงว่า ผลกระทบราคาน้ำมันแพง สินค้าแพงตามไปด้วย คนซื้อลดลงกว่าครึ่ง จึงตัดสินใจนำรถคันเล็กมาเร่ขายของ อาศัยเข้าตามตรอกซอยได้ ขายแต่เช้ายันค่ำและต้องเลิกขายของสด เช่น หมู ไก่ ปลา เพราะว่าราคาต้นทุนสินค้าสดเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว ไม่สามารถรับซื้อมาเร่ขายแต่ละวันได้ เพราะหากหมูเหลือสักครึ่งกิโลกรัมก็เท่ากับว่าขาดทุนเกือบ 200 กว่าบาท ขณะที่ขายของหมดรถได้กำไรไม่กี่ร้อยบาทเท่านั้น
จึงตัดสินใจงดขายของสดมาขายผักสดแทน เพราะทราบดีว่ากำลังซื้อประชาชนลดลง ผักก็เริ่มขายไม่ออกเพราะว่าชาวบ้านปรับตัวเริ่มหันมาปลูกรับประทานกันเองมากขึ้น
“อาชีพรถพุ่มพวงเดือดร้อนสาหัส ยอดขายลดลงกว่าร้อยละ 30-50 เพราะว่าไม่มีคนซื้อ ทุกวันนี้จะขายแต่ผักสดได้ก็เพียงลูกค้าประจำที่เคยซื้อกันมานาน มีรายได้หักค่าใช้จ่ายเหลือเพียงวันละ 200-300 บาท เพื่อมีเงินประทังชีวิตไปวันๆ เท่านั้น ทุกวันนี้จะออกจากบ้านช่วง 8 โมงเช้า เร่ขายของที่เหลือจากเมื่อวานให้หมดก่อน จากนั้นจะไปสั่งของใหม่ที่ตลาดสดศรีนคร เทศบาลนครนครสวรรค์ เพื่อจัดรถใหม่จากนั้นจะเร่ขายลัดเลาะตามชุนชน หมู่บ้านจัดสรร เป็นลูกค้าประจำที่ค้าขายกันมานาน เรียกแม่บ้านที่อยู่ตามบ้าน หรือจอดตามจุด ช่วงนี้น้ำมันแพงมากผักสดขึ้นราคาอีกร้อยละ 20-30 ทำให้ต้นทุนสูงปรี๊ด พริกสดกิโลกรัมละ 200 กว่าบาท ลุ่ยกะหล่ำ กิโลกรัมละ 20-30 กว่าบาท ขณะลูกค้ากำลังซื้อลดลงมาก หมู ไก่ ขายไม่ออก คนไม่มีงานทำ ไม่มีเงินซื้อ” ป้าศศิธรระบุ
นางนันทนา เอี่ยมอ่อง แม่ค้ารถเร่ขายผลไม้ตามหมู่บ้าน เขตเทศบาลนครนครสวรรค์ บอกว่า หลังราคาน้ำมันแพงก็ไม่สามารถเดินทางไปรับซื้อสินค้าจากแหล่งได้ ปกติจะไปกับลูกชายขับรถไปซื้อสับปะรด ผลไม้จากแหล่งส่งในจังหวัดอุตรดิตถ์ เชียงราย ปรากฏว่าราคาน้ำมันพุ่งสูงมากไม่สามารถเดินทางไปได้ต้องรับซื้อสินค้าจากพ่อค้าคนกลาง
ทำให้ยอดการขาย การซื้อ ลดลงกว่าร้อยละ 50 ปกติขายได้วันละร้อยกว่ากิโล ปัจจุบันขายได้เพียงวันละ 50 กิโลกรัมเท่านั้น มีรายได้เพียงวันละไม่ถึงห้าร้อยบาท แต่ก็ต้องทนขายของไปเพื่อประทังชีวิตไปก่อน แต่เหมือนความหวังนี้จะเลือนราง
ส่วนลูกค้าประจำ “นางจารุณี” ชาวบ้านหมู่บ้านดรีมแลนด์ จ.นครสวรรค์ บอกว่า ช่วงนี้จะซื้อสินค้าผักสด ผลไม้ หรือเนื้อหมูดลง จะซื้อเท่าที่จำเป็นเท่านั้น เพื่อนำมาทำอาหารเพราะว่าราคาแพงมาก จะหันมารับประทานปลา ไข่ แทน และผักสดก็ใช้พื้นที่รอบบ้านปลูกเอง รับประทานเอง ลดภาระการซื้อช่วงนี้เพราะสินค้าแพงมาก อยากฝากรัฐบาลช่วยแก้ปัญหาสินค้าแพงอย่างเร่งด่วน ทั้งสินค้าอุปโภคบริโภค หันไปทางไหนแพงหมด ทุกคนอ้างราคาน้ำมันแพง ราคาสินค้าแพง ต้นทุนแพงหมด ชาวบ้านก็ต้องจำใจซื้อของแพงๆ มาใช้กัน
นางศรีไพร เอมสิงห์ แม่ค้ารถพุ่มพวง ในพื้นที่ จ.ชัยนาท เปิดเผยว่า อาชีพรถพุ่มพวงกำลังได้รับผลกระทบอย่างหนักจากปัญหาสินค้าแพง ราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง ที่มาซ้ำเติมเรื่องต้นทุนของแม่ค้า ที่จากเดิมเมื่อก่อนการขายสินค้าจะได้กำไรประมาณ 15-20% แต่ตอนนี้กำไรหักต้นทุนและค่าน้ำมันแล้ว เหลือเพียงประมาณไม่ถึง 15%
ทุกวันนี้พฤติกรรมลูกค้าเปลี่ยนไป ซื้อของน้อยลงด้วย ยิ่งทำให้ในแต่ละวันมีความเสี่ยงที่อาหารสดจะเหลือค้างเท่ากับขาดทุนนั่นเอง วันนี้คงต้องทนไปให้ถึงที่สุดก่อนเพราะจะปรับราคาขึ้นก็สงสารลูกค้า แต่ถ้าไม่ไหวจริงๆ ก็คงต้องขอปรับราคาขึ้นตามความเหมาะสม ไม่งั้นแม่ค้ารถพุ่มพวงก็คงอยู่ไม่ได้ อยากให้รัฐบาลเร่งเข้ามาดูแลเรื่องของราคาสินค้าและราคาน้ำมันให้ลดลงโดยด่วน เพราะตอนนี้ได้รับผลกระทบกันทุกหย่อมหญ้าแล้ว
เสียงคร่ำครวญของพ่อค้าแม่ค้ารถพุ่มพวง และบรรดาลูกค้าประจำที่ใช้บริการ เปรียบเช่นดัชนีชี้วัดสถานการณ์ปากท้อง การกินการอยู่ในยุคข้าวยากหมากแพง