หลังมีการหารือของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องภายในกระทรวงคมนาคม เกี่ยวกับนโยบายการเพิ่มความเร็วสูงสุดในถนนแต่ละเส้นทางให้ใช้ความเร็วได้ถึง 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
นายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม ได้แถลงสรุปผลการพิจารณาว่า กรมทางหลวงและกรมทางหลวงชนบท ได้เสนอรายชื่อและช่วงของถนนมากว่า 10-15 สาย เข้ามาให้กระทรวงคมนาคม พิจารณา แต่มีเพียงถนนสายเดียวที่มีความพร้อมสามารถเริ่มใช้ความเร็วดังกล่าวได้ คือ ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 32 หรือถนนสายเอเชีย ช่วงทางหลวงบางปะอิน ถึงทางต่างระดับอ่างทอง ระยะทาง 46 กิโลเมตร เริ่มวันแรกในวันที่ 1 เมษายนนี้
ส่วนเส้นทางอื่นๆ อยู่ระหว่างการพิจารณา โดยมีบางเส้นทางที่มีศักยภาพ แบ่งออกเป็นทางหลวงแผ่นดิน 5 สาย ได้แก่ ทางหลวงหมายเลข 32 จำนวน 3 ช่วง ที่จังหวัดอ่างทอง สิงห์บุรี และชัยนาท ทางหลวงหมายเลข 35 จังหวัดสมุทรสงคราม ทางหลวงหมายเลข 2 จังหวัดนครราชสีมา ทางหลวงหมายเลข 347 จังหวัดปทุมธานี และทางหลวงหมายเลข 4 จังหวัดเพชรบุรี
ส่วนทางหลวงชนบท 5 สาย ได้แก่ ถนนราชพฤกษ์ ถนนนครอินทร์, ถนนข้าวหลาม จังหวัดชลบุรี, ทางหลวงชนบท 1035 จังหวัดระยอง และถนนสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี ซึ่งได้สั่งการให้ส่งเจ้าหน้าที่วิศวกรเข้าศึกษาการปรับปรุงถนนแต่ละสายให้เหมาะสมแล้ว ทั้งการติดตั้งป้ายจราจร การจัดการจุดตัดและจุดกลับรถ คาดว่าภายในสิ้นปีนี้จะมีถนนมากกว่า 10-15 สาย ระยะทางรวมกว่า 200 กิโลเมตร ที่สามารถเริ่มใช้ความเร็ว 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้
อย่างไรก็ตามย้ำว่าการใช้ความเร็ว 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมงนั้น มีข้อจำกัดหลายอย่าง ได้แก่ ประเภทของรถต้องไม่ใช่รถบรรทุก รถโดยสารตั้งแต่ 7-15 คน รถพ่วง รถลากจูง รถจักรยานยนต์ รถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่ 400 CC ขึ้นไป รถโรงเรียน รถเกษตร
นอกจากนี้ยังมีข้อจำกัดเรื่องของเลนบนถนน ถ้าจะขับ 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ต้องชิดเลนขวาเท่านั้น โดยแต่ละช่วงของถนนแต่ละสายสามารถใช้ความเร็วได้ไม่เท่ากัน ซึ่งจะมีการติดป้ายบอกความเร็วแต่ละเลนไว้ชัดเจน และทำแถบจราจรขวางถนนบอกจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดไว้